ในยุคเริ่มต้นก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง เทคโนโลยีทางไฟฟ้า ได้รับการพัฒนามาพอสมควรแล้ว มีระบบโทรศัพท์ เกิดขึ้นราว ปี ค.ศ. 1876 รีเลย์สร้างในปี ค.ศ. 1888 หลอดสุญญากาศใช้เป็นอุปกรณ์ขยายสัญญาณซึ่งมีผู้ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นในปี ค.ศ. 1907 Eccles and Jordan สร้าง วงจร flip-flop electronic switching ซึ่งเป็นวงจรพื้นฐานในการสร้างวงจรนับในปี ค.ศ. 1919 และ มีเครื่องรับโทรทัศน์ ในปี ค.ศ. 1927
ในปี ค.ศ. 1887 Herman Hollerith ได้พัฒนาเครื่องเจาะบัตร และเครื่อง card tabulating และ ให้ US Census Bureau เช่าเครื่อง ใช้ในการช่วยทำสำมะโนประชากร ของอเมริกา โดยข้อมูลของแต่ละคน อยู่ในรูปบัตรเจาะรู และเครื่อง card tabulating สามารถอ่านบัตรเพื่อนับจำนวนได้ ทำให้การนับสำมะโนประชากร เช่นนับว่ามีกี่คน ผู้ชายกี่คน ผู้หญิงกี่คน ทำได้เร็วขึ้นกว่าการนับด้วยมือ ซึ่งเครื่องเจาะบัตร และ เครื่องอ่านบัตร เป็น อุปกรณ์การป้อนข้อมูลและโปรแกรมให้คอมพิวเตอร์ในช่วงเวลาต่อมา เครื่อง card tabulating ถือได้ว่าเป็นเครื่องจักรที่ประมวลผลข้อมูลรุ่นแรกที่มีการใช้งานจริง ต่อมา Herman Hollerith ได้ตั้งบริษัท และขยายธุรกิจ ให้เช่าเครื่อง ขายเครื่อง และได้ขายบัตรให้กับธุรกิจหลายประเภท เช่น ธุรกิจการรถไฟ ต่อมาบริษัทมีการปรับเปลี่ยนผู้บริหาร การขยายตัวขององค์กร และเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท IBM ในปี ค.ศ. 1924
ในปี ค.ศ. 1937 Alan Turing ได้ลงพิมพ์บทความ “On Computable Numbers with an Application to the Entscheidungsproblem.” ในบทความได้บรรยายถึง Turing Machine เครื่องจักรในอุดมคติ ซึ่ง สามารถคำนวณทางตัวเลขได้ โดยชี้ให้เห็นว่า การคำนวณส่วนใหญ่ สามารถใช้ Turing Machine หาผลการคำนวณได้ จากนั้น Turing ได้อธิบายถึง Universal Turing Machine ว่า เป็น Turing Machine เครื่องหนึ่ง ซึ่งสามารถทำการคำนวนได้แบบอเนกประสงค์ กล่าวคือ ได้มีการจำลองการทำงานให้เหมือน Turing Machine ที่คำนวณเฉพาะงานโดยอาศัยโปรแกรม และ Turing ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า Universal Turing Machine ถูกสร้างขึ้นโดยให้มีโครงสร้างเหมือนกับ Turing Machine ที่มีความสามารถในการโปรแกรมจำลองการทำงานได้ไม่จำกัด และยังชี้ให้เห็นว่ามีการคำนวณบางประเภท ที่ไม่สามารถเขียนเป็นโปรแกรมได้ โดย Universal Turing Machine ถือได้ว่าเป็นต้นความคิดที่นำไปสู่การสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ ในปีเดียวกัน Claude Shannon เขียนวิทยานิพนธ์เรื่อง A Symbolic Analysis of Relay and Switching Circuits อธิบายการใช้สวิทช์ ในการคำนวณ Boolean algebra และต่อมา George Stibitz ได้สร้างวงจรรีเลย์ ที่สามารถทำงานบวกเลขฐาน 2 ได้
ในปี ค.ศ. 1939 Stibitz และ S.B. Williams สร้างเครื่อง Complex Number Calculator เป็นเครื่องคำนวนโดยใช้ไฟฟ้าระบบเลขฐาน 2 เครื่องแรก ส่วนของการคำนวณประกอบด้วย รีเลย์โทรศัพท์ 450 ตัว และ crossbar switches 10 ตัว สามารถหาผลการหารของตัวเลข complex number แปดหลัก สองตัว ในเวลา 30 วินาที
ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างปี ค.ศ. 1939-1945 เครื่องคอมพิวเตอร์ ถูกพัฒนาขึ้นจากความต้องการการคำนวณจำนวนมาก เช่น การถอดรหัสลับ การสร้างตารางวิถีลูกกระสุนปืนใหญ่ โดยได้รับงบประมาณสนุบสนุนจากทางการทหาร
ในเยอรมัน มีการพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ Z1-Z4 โดย Konrad Zuse ขึ้นในช่วงเวลาปี ค.ศ. 1941 – 1944 และถือได้ว่า เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องแรกๆ ของโลก โดยเครื่อง Z1 เป็นเครื่องจักรกล ส่วนเครื่อง Z2 เป็นระบบจักรกลผสมกับรีเลย์ และเครื่อง Z3 เปลี่ยนเป็นระบบรีเลย์ทั้งหมด ซึ่งหลักๆมีหน่วยคำนวณ หน่วยความจำ และหน่วยควบคุม ตัวเครื่อง Z3 ถูกทำลายจากระเบิดในสงคราม แต่ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ในทศวรรษ 1960 ส่วนเครื่อง Z4 สร้างในปี ค.ศ. 1943 รอดพ้นจากสงคราม และขายให้ ธนาคารในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ แต่ทั้งนี้ เครื่องคอมพิวเตอร์ชุดนี้ไม่มีผลต่อการพัฒนาคอมพิวเตอร์ทั้งในอังกฤษและอเมริกา
ในอเมริกา John Vincent Atanasoff ได้ออกแบบเครื่องคอมพิวเตอร์ และสร้างเครื่องต้นแบบในราวปี ค.ศ. 1937-1942 โดยใช้การคำนวณแบบเลขฐานสอง สามารถทำการบวกและลบเลข โดยใช้หลอดสุญญากาศ ที่มีหน่วยความจำ แต่โครงการสร้างเครื่องทั้งหมดสิ้นสุดลงก่อนสร้างเสร็จไม่สมบูรณ์ เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 The Atanasoff-Berry Computer In Operation |
ในราวปี ค.ศ. 1943 อังกฤษได้สร้างเครื่องคำนวณอิเลคทรอนิกส์ COLOSSUS เพื่อถอดรหัส ข้อความที่เข้ารหัสของเยอรมันซึ่งใช้ส่งข้อความลับในช่วงสงคราม COLOSSUS มีข้อจำกัดในการทำงานเฉพาะด้านการถอดรหัส แต่อย่างไรก็ตาม COLOSSUS สามารถโปรแกรมให้ทำงานกับโปรแกรมย่อยต่างๆได้ COLOSSUS ประกอบด้วยหลอดสุญญากาศกว่า 1,800 หลอด COLOSSUS เป็นความลับทางการทหารที่มีการเปิดเผยให้รับทราบในปี ค.ศ. 1970 แต่วิธีการคำนวณการถอดรหัสยังคงเป็นความลับอยู่ รายละเอียด |
ในราวปี ค.ศ. 1937-1944 Howard H. Aiken กับวิศวกรจาก IBM ได้พัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ IBM automatic sequence controlled calculator หรือเรียกกันว่า Harvard MARK I โดยใช้รีเลย์สวิทช์ เป็นส่วนประกอบหลัก มีชุดควบคุมการคำนวณหลักโดยอ่านโปรแกรมจากเทปเจาะรู และนำข้อมูลเข้าโดยบัตรเจาะรูอีกทางหนึ่ง ซึ่งมีความสามารถในการ บวก ลบ คูณ และ หารเลขได้ โดยผลลัพธ์นั้นจะพิมพ์เป็นบัตรเจาะรู หรือพิมพ์ออกกระดาษโดยเครื่องพิมพ์ โดยทหารเรือได้ใช้เครื่องนี้คำนวณสร้างตารางตัวเลขในช่วงสงครามโลก
1944 Computer History: IBM ASCC "Harvard Mark 1"
โครงการสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ ENIAC โดย John Mauchly และ J.Presper Eckert, Jr. ที่ Moore School of Electrical Engineering, University of Pennsylvania ใน Philadelphia ได้เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1943 สร้างเสร็จใน ปี ค.ศ. 1945 ถือเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่เป็นอิเลคทรอนิกส์ทั้งหมดเครื่องแรก โดยเครื่องได้รับการออกแบบให้เป็นโมดูล มีการโปรแกรมเครื่องให้ทำงานตามความต้องการโดยการโยงสายไฟ ต่อโมดูลต่างๆ เข้าด้วยกัน เครื่อง ENIAC ใช้หลอดสุญญากาศกว่า 18,000 หลอด ตัวเครื่องสูง 10 ฟุต ต้องใช้พื้นที่กว่า 1,000 ตารางฟุต น้ำหนักรวม 30 ตัน ใช้ไฟกว่า 150 กิโลวัตต์ เครื่องสามารถทำการคำนวณได้ 300 ครั้งต่อวินาที ราคารวม $486,800 ENIAC ได้นำไปใช้งานที่ U.S. Army Ballistics Research Laboratory, Aberdeen Proving Grounds, Maryland จนถึงปี ค.ศ.1955
EDVAC ได้รับการพัฒนาต่อจาก ENIAC เครื่องดังกล่าวสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1952 โดยมีหน่วยความจำสำหรับชุดคำสั่งเป็นอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ โดยใช้ Mercury (acoustic) delay lines โปรแกรมจะส่งเข้าไปอยู่ในหน่วยความจำ และการทำงานของเครื่องจะเป็นไปตามชุดคำสั่งนั้นๆ
ในปี ค.ศ. 1951 เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในงานทั่วไป ที่ไม่ได้ใช้เพื่อการทหารได้จัดออกจำหน่ายในรูปแบบของการจ้างสร้างเครื่อง โดยบริษัท Remington Rand โดยมี John Mauchly และ J. Presper Eckert, Jr ผู้สร้าง ENIAC เป็นผู้คุมทีมสร้างเครื่อง UNIVAC I ใช้เทคโนโลยีเดียวกับ EDVAC และได้พัฒนา digital magnetic tape ที่สามารถบวกเลขฐาน 2 สิบหลักได้ 100,000 ตัวต่อวินาที ใช้สัญญาณนาฬิกาความถี่ 2.25 เมกะเฮิสซ์ โดยเครื่องแรกส่งมอบให้ Census Bureau ในราคาประมาณ $100,000 ต่อมาในปี 1954 บริษัทได้ทำการผลิตเครื่อง Univac ERA 1103A โดยใช้ ferrite-core memory UNIVAC - Information Age: Then and Now Exploring UNIVAC 1 Components |
ในปี ค.ศ. 1951-1952 Grace Murray Hopper ได้พัฒนาโปรแกรม compiler A-0 เป็น compiler โปรแกรมแรกที่เปลี่ยน Assembly code ให้เป็น Machine code สำหรับเครื่อง UNIVAC ต่อมาก็ได้พัฒนา compiler ให้สามารถเปลี่ยนประโยคภาษาอังกฤษ เป็น Machine code B-0 (FLOW-MATIC) ในปี ค.ศ. 1957 นับเป็นต้นกำเนิดของ ภาษา COBOL
ในปี ค.ศ. 1952 บริษัท IBM ได้จำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์ รุ่น 701 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนองค์กรของ IBM จากการขายเครื่องเจาะบัตรเป็นการขายเครื่องคอมพิวเตอร์ IBM 701 ที่ใช้ magnetic tape มีหน่วยความจำแบบ magnetic drum และ cathode-ray tube storage
ในปีถัดมา IBM ได้ผลิตเครื่อง IBM 650 หรือที่เรียกว่า Magnetic Drum Calculator ซึ่งเป็นเครื่องที่มีการจำหน่ายได้เป็นจำนวนมากจนกระทั่ง IBM สามารถครองตลาดคอมพิวเตอร์ได้มากกว่า 50% ในปี ค.ศ. 1955 |
ในทศวรรษ 1950 ได้มีการพัฒนาโปรแกรม Complier และ สร้างภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูงคือ ภาษา FORTRAN ซึ่งเริ่มพัฒนาในปี ค.ศ. 1954 โดย John Backus และคณะใน IBM และสามารถส่งมอบให้ใช้งานได้ในราวปี ค.ศ. 1958 FORTRAN ย่อมาจาก FORmula TRANslator เป็นภาษาที่ออกแบบมาเพื่อให้เขียนโปรแกรมได้ง่ายขึ้นกว่าใช้ภาษาเครื่อง โดยเฉพาะการคำนวณทางวิทยาศาสตร์ สูตรทางคณิตศาสตร์สามารถเปลี่ยนเป็น ภาษา FORTRAN ได้โดยง่าย
ในปี ค.ศ. 1954 Texas Instruments ผลิตทรานซิสเตอร์ออกขายสู่ท้องตลาดซึ่งใช้เวลาถึง 7 ปีนับจากเครื่องต้นแบบถูกสร้างขึ้น
ในปี ค.ศ. 1956-57 IBM ได้สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ รุ่น IBM 305 RAMAC และ 650 RAMAC โดยมี hard disk และ เทคโนโลยี RAMAC (random-access method of accounting and control) ซึ่ง hard disk นี้นับเป็นรุ่นแรกที่ทำการผลิต โดยมีลักษณะเป็นแผ่นขนาด 2 ฟุต จำนวน 50 แผ่นมีความจุ 5 MByte (สำหรับเครื่อง 350) IBM 305 RAMAC and 650 RAMAC, 1956 |
ในปี ค.ศ. 1958 นั้น Seymour Cray ได้สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ให้กับบริษัท Control Data Corporation รุ่น CDC 1604 โดยใช้ ทรานซิสเตอร์ทั้งหมด กว่า 25,000 ตัว ออกจำหน่ายปี ค.ศ.1960 ราคา $750,000 |
IBM 1401 Mainframe Data Processing System 1960
ในปีค.ศ. 1959 ภาษา COBOL (Common Business-Oriented Language) ได้พัฒนาขึ้นโดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐ เพื่อเป็นภาษาคอมพิวเตอร์กลาง สำหรับการเขียนโปรแกรมทางการประมวลผลข้อมูล คณะผู้พัฒนาได้ออกแบบภาษา COBOL ให้สามารถจัดการข้อมูลที่เป็นตัวหนังสือได้ดี และมีลักษณะเป็นประโยคภาษาใกล้เคียงกับภาษาอังกฤษ ทำให้ตัวโปรแกรมสามารถอ่านได้เข้าใจง่าย บริษัทคอมพิวเตอร์ได้นำข้อกำหนดดังกล่าวนี้ไปเขียน complier
ในปี 1964 John Kemeney และ Thomas Kurtz เริ่มพัฒนาภาษา BASIC (Beginner's All-purpose Symbolic Instruction Code) ที่ Dartmouth College เพื่อใช้ในการเรียนการสอน เป็นภาษาที่ง่ายไม่ซับซ้อน
ในปี ค.ศ. 1964 IBM ได้ลงทุนกว่า 5 พันล้านเหรียญ เพื่อสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ในตระกูล SYSTEM 360 ออกสู่ตลาดเพื่อใช้งานทางธุรกิจ โดยเป็นแนวคิดใหม่ที่ให้เครื่องตระกูลนี้มีหลายขนาด (มีหน่วยประมวลผล 5 รุ่น จัดได้ 19 รูปแบบ ขึ้นกับขนาดของหน่วยความจำ ความเร็ว ความสามารถในการคำนวณ) โดยจัดให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ในราคาที่เหมาะสม ถ้าต้องการความสามารถเพิ่ม ก็เปลี่ยนอุปกรณ์ โดยที่อุปกรณ์ต่างๆ สามารถทำงานร่วมกันได้ และโปรแกรมก็สามารถใช้ได้กับทุกรุ่น ระบบนี้ กลายเป็นมาตรฐานของระบบ Mainfram ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ส่วนบริษัทคอมพิวเตอร์อื่นๆ ก็ได้สร้างเครื่องให้สามารถใช้โปรแกรม และอุปกรณ์ของ IBM รุ่นนี้ได้ 1970's IBM vintage computer promotional film - Historical Educational |
ที่ ศูนย์คอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัย MIT ได้พัฒนาระบบโปรแกรมเพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถใช้งานเสมือนว่าใช้พร้อมกันได้หลายคน เป็นระบบ Time-Sharing กล่าวคือ คอมพิวเตอร์สลับการทำงานให้บริการแก่ผู้ใช้แต่ละคนอย่างรวดเร็ว จนผู้ใช้รู้สึกว่าทำงานอยู่กับเครื่องอย่างต่อเนื่อง ระบบนี้เริ่มในปี ค.ศ.1961 ให้บริการแก่ผู้ใช้ในห้องปฏิบัตการคอมพิวเตอร์เป็นประจำในปี ค.ศ.1963 และได้พัฒนาเป็นระบบปฏิบัติการ Multics ในปี ค.ศ.1969 ซึ่งต่อมาทำการจัดจำหน่ายพร้อมกับระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัท Honeywell Information Systems ในปี ค.ศ.1973
ในปี ค.ศ. 1968 บริษัท Burroughs ได้ทำการผลิตคอมพิวเตอร์ รุ่น B2500 และ B3500 เป็น คอมพิวเตอร์ที่ใช้ IC รุ่นแรก
ปลายปี ค.ศ. 1967 กระทรวงกลาโหมอเมริกา ได้ให้ทุนศึกษาและออกแบบ เรื่องการต่อเครื่อข่ายคอมพิวเตอร์ อันเป็นจุดเริ่มต้นของ ARPANET ซึ่งต่อมากลายเป็น Internet โดยเริ่มมีการต่อใช้จริงในปี ค.ศ. 1969 โดยต่อเครื่องระหว่าง มหาวิทยาลัย UCLA, UC Santa Barbara, SRI, และ University of Utah 40th Anniversary of the Net - October 29, 1969 |
ในปี ค.ศ. 1969 - 1973 Ken Tompson, Dennis Ritchie และคณะได้พัฒนาระบบปฏิบัติการ Unix พร้อมกับพัฒนาภาษา C โดย Unix เริ่มพัฒนาบนเครื่อง PDP-7 และเขียนโดยภาษา C เนื่องจาก Unixโปรแกรมในภาษาระดับสูง ทำให้ Unix สามารถย้ายไปลงในระบบอื่นได้โดยง่าย Unix จึงเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย
ในปี ค.ศ. 1970 E.F. Codd นักวิจัยจากบริษัท IBMได้ตีพิมพ์ผลงาน “A Relational Model of Data for Large Shared Data Banks” เสนอหลักการของ relational database ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของระบบ database ในปัจจุบัน ในปีเดียวกันนั้น บริษัท Intel เริ่มผลิต IC หน่วยความจำ RAM ขนาด 1 Kbyte ออกจำหน่าย
ในปี ค.ศ. 1973 นักวิจัยของ Xerox PARC ได้ทำการพัฒนาเครื่องต้นแบบของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล โดย พัฒนาเมาส์ ระบบเครือข่าย Ethernet และ Graphical User Interface ได้สร้างเครื่องต้นแบบ Alto จัดจำหน่ายไม่มากนักให้สถาบันการศึกษา Xerox Star User Interface (1982) 1 of 2 Xerox Star User Interface (1982) 2 of 2 |
ในปี ค.ศ. 1974 Intel ผลิต 8080 เป็น microprocessor แบบ 8 บิตออกจำหน่าย โดยประกอบด้วยทรานซิสเตอร์ ประมาณ 6,000 ตัว ใช้สัญญาณนาฬิกาที่ความถี่ 2 MHz |
ในปี ค.ศ. 1975 IBM 5100 ซึ่งเป็นเครื่อง PC รุ่นแรก ได้ออกสู่ท้องตลาด แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจาก มีราคาระหว่าง \$8,975 - \$19,975 สามารถโปรแกรมได้โดยภาษา APL และ Basic |
ในปี ค.ศ. 1976 บริษัท Shugart Associates ได้ผลิต เครื่องอ่านเขียน floppy disk ขนาด 5.25 นิ้ว รุ่น SA-400 มีความจุ 110 Kbyte ซึ่งกลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน สำหรับเครื่อง PC จนกระทั่งถูกแทนที่ด้วย floppy ขนาด 3.5 นิ้ว บริษัท Shugart Associates ร่วมมือกับบริษัท Dysan Corporation ผลิตแผ่น floppy disk 5.25 นิ้วจำหน่าย
เครื่อง Commodore Pet ใช้ CPU เบอร์ 6502 มี RAM ขนาด 4K หรือ 8 K พร้อมเทป (สำหรับเก็บโปรแกรมและข้อมูล) และ ภาษา BASIC ราคา $700 Commodore History Part 1- The PET |
Stephen G Wozniak กับ Stewen Job ได้ทดลองดัดแปลงเครื่อง Altair แต่ภายหลังเลือก Microprocessor 6502 จากบริษัท MOS Technology ซึ่งมีราคาถูกกว่า และได้สร้าง Apple I โดยปรับปรุงเป็น Apple II ต่อมาได้จัดตั้งบริษัท Apple และจัดจำหน่ายเครื่อง Apple II ซึ่งเครื่องดังกล่าวประกอบด้วย คีย์บอร์ด จอภาพ มีหน่วยความจำ 16K ROM และ 4K RAM ใช้ภาษา Basic ได้ (พัฒนาเอง แต่ภายหลัง ซื้อจาก Microsoft) ตั้งราคาขาย \$1,300 - \$2600 (ขึ้นกับขนาดหน่วยความจำ) ในปี ค.ศ. 1977 เครื่องรุ่นนี้มียอดขาย $700,000 และปีต่อมามียอดขายกว่า 7 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่าเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ประสบความสำเร็จทางการตลาด Apple History - Apple II and Macintosh |
Gary Kildall ได้พัฒนาระบบปฏิบัติการ CP/M และสร้าง floppy disk controller ให้ใช้กับ floppy disk drive และได้ขาย license ให้กับบริษัท IMSAI ในปี ค.ศ. 1977 ซึ่งเป็นต้นแบบให้บริษัทอื่นๆ ปฎิบัติตาม และทำให้ CP/M เป็นมาตรฐานสำหรับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ที่ใช้ 8080 หรือ Z80 เป็น CPU จนกระทั่งยุคของ IBM PC ที่สามารถทำให้เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ เริ่มใช้ floppy disk drive กันมากขึ้น
ในปี ค.ศ. 1978 บริษัท Intel ได้ผลิต 8086-8088 Microprocessor ออกสู่ตลาด เป็น microprocessor ขนาด 16 บิต
บริษัท IBM เล็งเห็นว่า ตลาดของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเป็นตลาดใหญ่ จึงได้สร้างเครื่อง IBM PC ออกขาย ในปีค.ศ. 1981 ทำให้มีการนำเอาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมาใช้ในทางธุรกิจมากขึ้น IBM ยังได้ซื้อระบบปฏิบัตการ MSDOS และ ภาษา Basic จาก Microsoft เครื่อง IBM PC ใช้ Intel 8088 microprocessor ซึ่งเป็น microprocessor ขนาด 16 บิต มีหน่วยความจำ 64 Kbyte มี floppy disk drive ขนาด160K ราคาเริ่มต้นที่ \$1,565 – \$2,880 ซึ่งรุ่นนี้ IBM สามารถขายได้ กว่า 13,500 เครื่อง ใน 4 เดือนแรก และต้องมีการสั่งจอง เนื่องจากผลิตไม่ทัน 1984 IBM Personal Computer commercial The Original IBM PC 5150 - the story of the world's most influential computer |
ในปีค.ศ.1981 บริษัท Sony ผลิต floppy drive และ diskette ขนาด 3.5 นิ้ว ซึ่งได้กลายมาเป็นมาตรฐานของ floppy drive ในเครื่อง PC จนถึงปัจจุบัน โดย diskette มีความจุ 720 Kbye และ 1.44 Mbyte |
ในปี ค.ศ. 1982 บริษัท Intel เริ่มผลิต 80286 microprocessor ในช่วงเวลา 6 ปีของการผลิต มีเครื่อง PC ประมาณ 15 ล้านเครื่อง ที่ใช้ CPU ตัวนี้ทั่วโลก โดย 80286 สามารถทำงานกับโปรแกรมที่เขียนให้กับ 8088 ได้
เนื่องจาก IBM PC เป็นที่ยอมรับของตลาด และ IBM ได้สร้าง PC จากอุปกรณ์ที่มีขายอยู่ทั่วไปในขณะนั้น ทำให้เกิด การสร้าง IBM PC “clone” ในปี คศ.1982 บริษัท Columbia Data Products ได้ทำการผลิต IBM PC clone รุ่นแรก แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ และ บริษัท Compaq ก็ได้สร้าง IBM PC clone ตามมา แต่อย่างไรก็ตาม IBM มี copy right ใน BIOS ซึ่งถ้ามีการคัดลอก IBM สามารถฟ้องร้องผู้ทำการคัดลอกได้ได้ (ซึ่งมีหลายบริษัททำและถูก IBM ฟ้องร้อง) แต่ถ้าจะให้ทำงานเหมือน IBM ต้องมี BIOS เหมือนกัน ซึ่งบริษัท Compaq ลงทุนกว่า ล้านเหรียญ ทำการ Reverse-engineer โดยการจ้างนักโปรแกรมเมอร์ สองกลุ่ม กลุ่มแรก เป็นกลุ่มที่รู้จัก IBM BIOS ซึ่งจะดู code ของ IBM แล้วเขียนคุณลักษณะการทำงาน (specification) ส่วนกลุ่มที่สอง จะเป็นกลุ่มที่ไม่รู้จัก IBM BIOS จะมีหน้าที่เขียนโปรแกรมตามคุณลักษณะการทำงานจากนักโปรแกรมเมอร์กลุ่มที่หนึ่ง ซึ่งวิธีนี้ทำให้ บริษัท Compaq ได้ BIOS ที่ทำงานเหมือนกับ IBM BIOS โดยไม่ผิดกฎหมาย copyright จากนั้น บริษัท Compaq ผลิตคอมพิวเตอร์ Compaq Portable ที่ 100 % compatible กับ IBM PC ในราคา \$3,590 ซึ่งสามารถขายได้ 53,000 เครื่องและมียอดขายกว่า \$111 ล้านเหรียญในปีแรก
ต่อมาในปี ค.ศ. 1984 บริษัท Phoenix Software Associate ใช้วิธีเดียวกันกับบริษัท Compaq แต่ Phoenix ไม่ได้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์เองแต่ได้ขาย BIOS ให้กับบริษัทอื่นๆ เพื่อผลิต IBM PC clone ทำให้มีเครื่องที่ทำงานได้เหมือน IBM PC ใช้ ซอฟต์แวร์ร่วมกันได้ แต่มีราคาถูกกว่า IBM PC ออกสู่ท้องตลาดเป็นจำนวนมาก
ในปีเดียวกัน IBM เปิดตัว IBM XT ใช้ Intel 8080 CPU 128KRAM 360 Kfloppy disk drive และ Hardisk 10 Mbyte ในราคา $4,995
ในปี ค.ศ. 1984 IBM เปิดตัว IBM AT ใช้ Intel 80286 512KRAM 1.2 Mbyte floppy disk drive 20 Mbyte Hard disk ในราคา $5,795
คาดการว่าในปี ค.ศ. 1984 เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกตระกูลขายได้กว่า 5 ล้านเครื่องเฉพาะในสหรัฐ Microsoft มีรายได้กว่า 97 ล้านเหรียญจากการขาย BASIC, Mutiplan (spreadsheet ของ Microsoft) และ MS-DOS เป็นส่วนใหญ่
ในปี ค.ศ. 1985 บริษัท Intel ผลิต Intel386 Microprocessor (80386) ออกจำหน่าย โดยภายในประกอบด้วยทรานซิสเตอร์กว่า 275,000 ตัว มากกว่า 100 เท่าของ 4004 เป็น microprocessor แบบ 32 บิต และสามารถทำงานแบบ “multi tasking” ได้
ในปี ค.ศ. 1986 บริษัท Compaq ได้เปิดตัวคอมพิวเตอร์ Compaq Deskpro 386 เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นแรกที่ใช้ Intel 80386 ก่อนหน้า IBM จะผลิตเครื่องที่ใช้ CPU 80386 |
ในปี ค.ศ. 1989 Tim Berners-Lee เสนอโครงการสร้าง World Wide Web กับ CERN (European Council for Nuclear Research) ซึ่งได้รับการอนุมัติ และเริ่มสร้างต้นแบบในปี ค.ศ. 1990 โดยสร้างมาตรฐาน URLs, HTML, and HTTP
โครงการ ARPANET สิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1990 โดยมี NSFnet/Internet เข้ามาทดแทน โดยต่อมหาวิทยาลัยต่างๆเข้าด้วยกัน ในปี ค.ศ. 1991 สหรัฐได้อนุญาตให้ใช้ Internet ในการทำการค้าได้
ในปี ค.ศ. 1992 IBM เปิดตัว ThinkPad 700C เครื่อง Notebook ใช้ 25 MHz Intel 486 processor 4MB RAM และ 80MB hard drive เป็น notebook ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในเวลานั้น |
ในปีเดียวกัน Microsoft ได้ส่ง Microsoft Window 3.1 ซึ่งมีการปรับปรุงรายการ Window 3.0 กว่า 1,000 รายการออกมา โดยมียอดการสั่งซื้อล่วงหน้ากว่าล้านชุดทั่วโลก ส่วน IBM เปิดตัว OS/2 version 2.0 แต่ไม่ประสบความสำเร็จในการขาย
ในปี ค.ศ. 1993 Apple เปิดตัว Newton เป็น personal digital assistant รุ่นแรกที่ได้รับความนิยมใช้การเขียนบนหน้าจอ |
ในปี ค.ศ. 1996 บริษัท Netscape ฟ้องร้องต่อศาล ในกรณีที่ Microsoft ควบรวมระบบปฏิบัติการและ Internet Explorer เข้าด้วยกัน ในปี ค.ศ. 1997 มีผู้ใช้ Netscape Web browser กว่า 75% ในขณะที่ใช้ Internet Explore เพียง 18% Microsoft เปิดตัว IE4 ในปีนั้น ในปี ค.ศ. 1999 บริษัท Netscape ถูกซื้อโดย AOL ในปี ค.ศ. 2003 Microsoft จ่าย 750 ล้านเหรียญ เพื่อยุติการฟ้องร้อง ในปี ค.ศ. 2004 มีผู้ใช้ IE กว่า 95% ตัวโปรแกรมสำหรับ Web browser แผยแพร่เป็น Open source ในชื่อของ Mozilla ซึ่งในปัจจุบัน ได้มีการนำโปรแกรมไปปรับปรุง และ สร้าง Web browser อื่นเช่น Firefox The Rise and Fall of Netscape Most Popular Web Browsers 1993 - 2020
ในปี 1994 Jeff Hawkin ออกแบบและสร้าง PalmPilot organizer และตั้งบริษัท Palm Computing บริษัทถูกซื้อโดย บริษัท US Robotic ในปีถัดมา PalmPilot ได้ปรับปรุงเป็นรุ่น PalmPilot 1000 ในปี 1996 มียอดขายกว่า 350,000 เครื่องในปีแรกที่ออกขาย ปีถัดมาบริษัท 3Com ซื้อบริษัท US Robotic และได้บริษัท Palm Computing ด้วย Jaff Hawkin ลาออก แล้วตั้งบริษัทใหม่ ผลิตเครื่อง HandSpring Visor และใช้ Palm OS ในปี 1999 บริษัท Palm Computing ควบรวมกับบริษัท HandSpring เป็น บริษัท Palm One ในปี 2003 Palm เป็น PDA ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน | |
บริษัท Sony Computer Entertainment ผลิต Playstation เริ่มจำหน่ายในปี ค.ศ. 1994 The Launch of the Sony PlayStation (1995) |
ในปี ค.ศ. 1997 Google.com จดทะเบียน และ ให้บริการ จากงานวิจัยของนักศึกษาปริญญาเอก Larry Page และ Sergey Brin ที่พัฒนา การให้ ลำดับความสำคัญของ Web page ใน Search engine BBC Documentary - A World Without Google - History Of Google |
ในปี ค.ศ. 2002 Dot-com bubble burst Dot Com Bubble Wall Street Documentary
ข้อมูลจากปี ค.ศ. 2003 ประมาณยอดขายของ PDA กว่า 18 ล้านเครื่อง แต่ยอดขายของ PDA เริ่มลดลงโดยสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจาก PDA-Phone และ Smart Phone จาก 10% ในปี ค.ศ. 2002 เป็น 20% ในปี ค.ศ. 2003
ข้อมูลจาก Computer Industry Almanac ในปี ค.ศ. 2004 มี PC ใช้กันอยู่ทั่วโลก กว่า 820 ล้านเครื่อง โดย 24% เป็นเครื่อง Notebook และมีผู้ใช้ Internet กว่า 935 ล้านคน
Facebook เปิดให้บริการ ในปี ค.ศ. 2004 โดยเป็นผลงานการพัฒนาโปรแกรมของ Mark Zuckerberg, Eduardo Saverin, Dustin Moskovitz และ Chris Hughe |
Youtube เปิดให้บริการ upload และ ดู video online ในปี ค.ศ. 2004 How Did YouTube Start? |
ในปี ค.ศ.2007 บริษัท Apple ออก iPhone รุ่นแรก Steve Jobs introduces iPhone in 2007 |
ในปี ค.ศ. 2007 บริษัท ASUSTeK Computer Incorporated ได้ผลิตเครื่อง Notebook ขนาดเล็ก ที่เรียกกันว่า netbook มีน้ำหนักเบา และ มีราคาถูกกว่า Notebook ในขณะนั้น |
ในปี ค.ศ. 2010 บริษัท Apple ออก iPad รุ่นแรก และ iPad 2 Introducing iPad |
The Rise and Fall of Blackberry
How BlackBerry went from controlling the smartphone market to a phone of the past
HTC Phones - From Biggest Smartphone Maker to Nothing!
ในปี ค.ศ. 2011 โปรแกรม Watson พัฒนาโดย IBM ชนะการแข่งในรายการ Jeopardy โดยแข่งกับ Brad Rutter และ Ken Jennings Supercomputer: Watson(IBM computing system) - Documentary |
ในปี ค.ศ. 2016 โปรแกรม AlphaGo พัฒนาโดย DeepMind Technologies ชนะการแข่ง Go แข่งกัน Lee Sedol ซึ่งเป็นนักเล่น Go ระดับ 9 ดั่ง AlphaGo - The Movie | Full Documentary |